วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ตายเป็นก็อยู่เป็น

ระลึกถึงความตายสบายนัก
มันหักรักหักหลงในสงสาร
บรรเทามืดโมหันต์อันธการ
ทำให้หาญหายสะดุ้งไม่ยุ่งใจ
(พระศาสนโสภณ)

มรณสติเป็นสิ่งที่พึงบำเพ็ญเป็นนิจ บ่อยเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น คราวหนึ่งพระพุทธองค์ได้ตรัสถามภิกษุกลุ่มหนึ่งว่า พวกท่านเจริญมรณสติอย่างไร

รูปแรกกล่าวว่า ตนระลึกอยู่เสมอว่าอาจมีชีวิตอยู่ได้เพียงหนึ่งคืนกับหนึ่งวันก็จะตาย

รูปที่สองกล่าวว่า ตนระลึกอยู่เสมอว่าอาจมีชีวิตอยู่ได้เพียงหนึ่งวันก็จะตาย

รูปที่สามกล่าวว่า ตนระลึกอยู่เสมอว่าอาจมีชีวิตอยู่ได้เพียง ครึ่งวัน ก็จะตาย

รูปที่สี่กล่าวว่า ตนระลึกอยู่เสมอว่าอาจมีชีวิตอยู่ได้เพียง ฉันอาหารได้มื้อหนึ่ง ก็จะตาย

รูปที่ห้ากล่าวว่า ตนระลึกอยู่เสมอว่าอาจมีชีวิตอยู่ได้เพียง ฉันอาหารได้ครึ่งหนึ่ง ก็จะตาย

รูปที่หกกล่าวว่า ตนระลึกอยู่เสมอว่าอาจมีชีวิตอยู่ได้เพียงชั่วเวลาเคี้ยวอาหารได้ ๔-๕ คำ ก็จะตาย

รูปที่เจ็ดกล่าวว่า ตนระลึกอยู่เสมอว่าอาจมีชีวิตอยู่ได้เพียง ชั่วเวลาเคี้ยวอาหารได้คำหนึ่ง ก็จะตาย

รูปสุดท้ายกล่าวว่า ตนระลึกอยู่เสมอว่าอาจมีชีวิตอยู่ได้เพียง ชั่วขณะหายใจเข้าหายใจออก หรือหายใจออกหายใจเข้า ก็จะตาย

ทั้งนี้ทุกรูปพูดสรุปท้ายว่า เมื่อระลึกถึงความตายของตนแล้ว ก็จะระลึกและพยายามปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ให้มาก

เมื่อพระพุืทธองค์ได้ฟังแล้วตรัสว่า ภิกษุรูปที่ ๑-๖ ยังเป็นผู้ที่ประมาทอยู่ ส่วนภิกษุรูปที่ ๗ และ ๘ ซึ่งเจริญมรณสติทุกคำข้าว หรือทุกลมหายใจ จัดว่าเป็นผู้ไม่ประมาท

ควรกล่าวในที่นี้ว่า การเจริญมรณสตินั้นมิได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดความเบื่อหน่ายในชีวิต ทำให้รู้สึกสลดหดหู่ เห็นชีวิตไร้คุณค่า หรือหมดกำลังใจในการดำเนินชีวิต ในทางตรงกันข้าม มรณสตินั้นหากพิจารณาอย่างถูกวิธี ย่อมทำให้ตระหนักว่าชีวิตและเวลาแต่ละนาทีที่ยังเหลืออยู่นั้น มีคุณค่าอย่างยิ่ง ไม่ควรใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าหรือปล่อยเวลาทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ คนเรานั้นหากไม่ตระหนักว่า ชีวิตและเวลาที่อยู่ในโลกนี้มีจำกัด ก็จะใช้ไปอย่างไม่เห็นคุณค่าเลย บางครั้งกลับทำสิ่งซึ่งบั่นทอนหรือตัดรอนชีวิตตัวเองด้วยซ้ำ กว่าจะตระหนักว่าชีวิตและเวลามีคุณค่า ความตายก็มาประชิดตัวแล้ว ถึงตอนนั้นก็อาจทำอะไรแทบไม่ได้แล้ว

ผู้เขียนได้อ่านพบเรื่องการเจริญมรณสติในหนังสือ ระลึกถึงความตายสบายนัก ของ พระไพศาล วิสาโล ซึ่งคิดว่าหลายท่านคงเคยได้อ่านหนังสือธรรมะของท่านมาบ้างแล้ว เห็นว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้สนใจใฝ่ในธรรม และบุึคคลทั่วไปบ้างไม่มากก็น้อย จึงได้คัดลอกบางตอนมาถ่ายทอดไว้ในบล็อกธรรมะสุขใจนี้ สำหรับบทความธรรมะในเดือนกันยายนได้ขาดหายไป เนื่องจากผู้เขียนไม่มีเวลาค้นคว้าหาบทความธรรมะที่น่าสนใจมาลงในบล็อกให้ท่านทั้งหลายได้อ่าน จึงขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย